วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Google Translate

Google Translate
เป็นบริการแปลภาษาด้วยเครื่อง (machine translation—MT)  ปัจจุบันสามารถรองรับการแปลทั้งจากภาษาอื่นเป็นภาษาไทยและจากภาษาไทยเป็น ภาษาอื่น

สาเหตุที่เลือก Application:
     Application นี้มีความจำเป็นมากที่ต้องใช้งานเนื่องเป็น application ที่ใช้แปลภาษา ซึ่งมีหลายภาษาสามารถแปลเป็นไทยได้

วิธีแปลภาษาด้วย Google Translate:
     1. เข้าเว็บไซต์ www.google.co.th
     2. คลิกที่ แปลภาษา
     3. พิมพ์ข้อความที่ต้องการลงในช่อง (หรือคัดลอกแล้ววาง)
     4. คลิกเลือกชื่อภาษาต้นฉบับ
     5. คลิกเลือกภาษาที่จะแปล
     6. คลิกปุ่ม แปล
     7. จากนั้นจะได้ภาษาที่แปลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ข้อดี Google Translate:
     1. ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเดิมการที่จะหาโปรแกรมในการแปลภาษา ไทย-อังกฤษ (สำหรับการแปลเป็นประโยค) นั้น ส่วนมากจะเป็น Software ที่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งการมาของ Google Translate ทำให้การแปลภาษาเป็นเรื่องง่ายและเข้าถึงกลุ่มคนได้อีกมากมาย
     2. สามารถแปลได้ทั้ง Website หรือ ประโยคข้อความใดๆ ก็ได้ หากต้องการแปลทั้ง Website ก็เพียงแค่พิมพ์ URL ของเว็ปไซต์ที่เราต้องการแปลเท่านั้นเอง ส่วนการแปลประโยคหรือข้อความก็สามารถใช้คำสั่ง Copy + Paste แค่นั้น
     3. หากท่านเป็นเจ้าของ Website ท่านสามารถนำ Code ของ Google Translate ไปวางที่ website ของท่านเพื่อให้ Website ภาษาไทยของท่านสามารถแปลภาษาได้หลากหลายภาษา (เหมือนดังที่ www.manacomputers.com ใช้อยู่)
ข้อเสีย Google Translate:
        การใช้ประโยชน์จากสิ่งใดๆ นอกจากข้อดีมากมายแล้วทุกสิ่งย่อมมีข้อบกพร่องทั้งสิ้น รวมทั้ง Google Translate ก็เช่นกัน เนื่องจากคำแปลที่ได้มานั้นสร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ จึงอาจไม่สมบูรณ์แบบเสมอไป ยิ่งมีเอกสารในภาษาหนึ่งๆ ที่แปลโดยมนุษย์มาให้ Google แปลเอกสารวิเคราะห์มากเท่าใด คุณภาพของการแปลก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลว่าบางครั้งทำไมความถูกต้องของการแปลจึงแตกต่างกันไปในแต่ละภาษา รวมทั้งความสละสลวยในการเรียบเรียงถ้อยคำก็ยังต้องอาศัยการตรวจทานจากมนุษย์ช่วยด้วย
โปรแกรมอื่น ที่มีการทำงานคล้ายกันกับ Application:
      Translate English - Thai เป็นโปรแกรมแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยได้ทั้งย่อหน้าภายในเวลาเดียวกัน มีการแบ่งหมวดหมู่ของคำศัพท์ ที่แตกต่างกันทั้งศัพท์คอมพิวเตอร์ วิศวกรรม ธุรกิจฯลฯ ด้วยรูปแบบที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องอ่าน ภาษาอังกฤษจาก Website หรือจากสื่อต่างๆในคอมพิวเตอร์เป็นประจำ
ความแตกต่าง ระหว่างGoogle Translate กับTranslate English - Thai:
        Google Translate โปรแกรมแปลภาษาโดยอ้างอิงสถิติในการแปล (ซึ่งสามารถแปลได้แบบข้อความและทั้งเว็บ) โดยปกติแล้วโปรแกรมส่วนใหญ่จะใช้แนวทางอ้างอิงกฎ และต้องใช้การนิยามคำศัพท์และไวยากรณ์จำนวนมากในการแปลแต่
       Translate English - Thai เป็นโปรแกรมแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยได้ทั้งย่อหน้าภายในเวลาเดียวกัน มีการแบ่งหมวดหมู่ของคำศัพท์ ที่แตกต่างกันทั้งศัพท์คอมพิวเตอร์ วิศวกรรม ธุรกิจฯลฯ

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Format ไฟล์ภาพสกุลต่างๆ

BMP
                เป็นพื้นฐานของรูปบิตแมปของซอฟต์แวร์บนวินโดวส์ ดังนั้น มันจึง สนับสนุนการทำงานของโปรแกรมทุก ๆ โปรแกรมที่ทำงานภายใต้วินโดวส์ แต่ว่าไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้กับแพลตฟอร์มอื่น ดังนั้น จึงไม่สามารถใช้กับแพลตฟอร์มอื่น เช่นแมคอินทอช หรือระบบอื่นๆ ได้ไฟล์แบบบิตแมปบนวินโดวส์คล้ายๆ กับของพรีเซนเตชันเมเนเจอร์ของโอเอส/ทู แต่ไม่เหมือนกันทีเดียวนัก
EPS
            เป็นรูปแบบที่ใช้กับงานประเภท Desktop Publishing หรืองานเกี่ยวกับการจัดหน้า เช่น PageMaker โดยใช้กับเครื่องพิมพ์แบบ PostScript เท่านั้น ไฟล์ EPS นี้เมื่อนำมาย่อ-ขยาย จะไม่ทำให้ภาพสูญเสียความ
คมชัดเนื่องจากมีความละเอียดสูง        
 GIF
            เป็นรูปแบบที่นิยมกันมากที่สุดในปัจจุบัน ปัจจุบัน GIF ไฟล์มีสองเวอร์ชันด้วยกันคือ 87a และ 89a โดยที่เวอร์ชัน 87a เป็นรูปกราฟิก เพียงอย่างเดียว ขณะที่เวอร์ชัน 89a สามารถสนับสนุนการทำภาพเคลื่อนไหวได้ โดยการนำภาพหลายๆ ภาพมาเรียงต่อกันและ บรรจุอยู่ในไฟล์เดียวกัน จุดดีของ Gif คือ Interlaced ซึ่งเมื่อกราฟิกถูกโหลด จะแสดงภาพจากหยาบไปหาละเอียด ในขณะที่กราฟิกถูกโหลดมาทีละน้อยจนเสร็จสมบูรณ์ จึงทำให้ผู้ชมที่มี bandwidth ต่ำๆ สามารถเห็นภาพโดยรวมได้ก่อนที่ภาพจะ ถูกโหลดจนสมบูรณ์ จุดด้อยของ Gif คือ มันเป็นลิขสิทธิของบริษัท Compuserv กล่าวคือ บริษัทผู้ผลิต ซอร์ฟแวร์ จะใช้ได้จะต้องขออนุญาติและจ่ายค่าลิขสิทธิเพื่อใช้ Gif จึงทำให้มีผู้พัฒนาไฟล์รูปแบบ PNG ขึ้นใช้แทน
IFF
            IFF (Amiga Interchange File Format)จะนำมาใช้กับงานวิดีโอและการถ่ายข้อมูลจาก Commodore Amiga system ยิ่งไปกว่านี้ยังสนับสนุนโปรแกรมตกแต่งภาพที่มีในเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วๆไป ด้วย
IMG
            Windows, Mac โปรแกรม Desktop Publishing และโปรแกรมแก้ไขรูปภาพบางโปรแกรม เช่น Ventura Publisher, PageMaker, QuarkXPress 2, 16, 256 สี หรือ 16 ล้านสี แบบ RLE อย่างง่าย
JPG
            JPEG เป็นไฟล์ที่เหมาะสำหรับใช้ในภาพประเภทภาพถ่าย (โทนสีต่อเนื่อง) เนื่องจากใช้สีทั้งสเปกตรัมสีที่มีในมอนิเตอร์ และเป็นไฟล์ประเภทที่ถูกบีบอัดให้เล็กลงเพื่อให้โหลดเร็วขึ้นเช่นเดียวกับ GIF โดยการตัดค่าสี ในช่วงที่ตามองไม่เห็นทิ้งไป แต่เมื่อบันทึกไฟล์เป็น JPEG แล้ว ข้อมูลสีที่ถูกตัดทิ้งไปจะไม่สามารถเรียกกลับมาได้อีก ถ้าต้องการใช้ค่าสีเหล่านั้นในอนาคต ควรจะบันทึกเป็นไฟล์ชนิดอื่น แล้วเปลี่ยนเป็นไฟล์ JPEG ด้วยการบันทึกเป็นไฟล์ก็อปปี้ ซอฟต์แวร์ที่สร้างและเปิดไฟล์ โปรแกรมการแก้ไขภาพ Bitmap และโปรแกรมการแปลงรูปแบบ เช่น PhotoShop, CorelDRAW, PaintShop Pro, ACDSee 32 ความสามารถทางด้านสี 2, 16, 256 สี หรือ 16 ล้านสี และความลึกสีแบบ 32 บิต จุดดีของ JPG นอกจากความสามารถในการบีบอัดไฟล์แล้ว JPG มีคุณสมบัติของ Progress JPEG คือ เมื่อถูกโหลด จะแสดงภาพจากหยาบไปสู่ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กราฟิกถูกโหลดมาเรื่อยๆ จนเสร็จสมบูรณ์ (ลักษณะคล้ายกับ Interlaced GIF)
 PGL
            PGL โปรแกรม CAD, โปรแกรมแก้ไขไฟล์ Vector บางโปรแกรมและ Desktop Publishing เช่น AutoCAD, CorelDRAW
 PIC         
               PICT (.pic) เป็นรูปแบบมาตราฐานในการบันทึกภาพแบบ 32 บิตของ Macintosh แสดงผลสีได้ระดับ 16.7 ล้านสี สามารถบีบอัดข้อมูลภาพได้เช่นกัน เพียงแต่สนับสนุนโหมด RGB       
PNG
            ถูกออกแบบมาเพิ่มเติมคุณสมบัติที่ไม่มีของ GIF format และยังมีรายละเอียดใกล้เคียง TIFF format แต่มีขนาดของไฟล์ที่เล็กกว่า         
TGA
           
TGA (Targa)เป็นรูปแบบซึ่งออกแบบมาสำหรับการใช้ Truevision video board และโปรแกรมทั่วๆไปสนับสนุนภาพทุกชนิด
TIF
            TIFF เป็นไฟล์ที่ใช้ได้กับ bitmap เท่านั้น พัฒนาขึ้นโดยความร่วมของ Aldus Corporation และ Microsoft TIFF เก็บบันทึกข้อมูลรูปภาพได้หลากหลายใน Tagged Field จึงกลายเป็นชื่อเรียกของรูปแบบไฟล์ ซึ่งแต่ละ Tagged Field สามารถบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ bitmap หรือชี้ไปยัง Field อื่นได้ ซอฟต์แวร์ที่อ่านไฟล์นี้สามารถข้ามการอ่าน Field ที่ไม่เข้าใจหรือไม่จำเป็นไปได้
TIFF เป็นรูปแบบที่มีความยืดหยุ่น สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ เนื่องจากมี Tagged Field ให้ใช้ต่างกันหลายร้อยชนิด ไฟล์แบบนี้จึงมีข้อดี คือ ใช้ได้กับโปรแกรมกราฟิกทุกประเภท สามารถใช้ได้ในระบบคอมพิวเตอร์หลายๆ ระบบ และกำหนดขอบเขตที่กว้างขวางของภาพ bitmap ได้ นอกจากนี้ TIFF ยังสามารถทำบางสิ่งที่ bitmap อื่นทำไม่ได้ และเป็นรูปแบบที่สนับสนุนทั้งระบบ PC และ Macintosh Tagged Image File Format นามสกุลที่ใช้เก็บ TIF ความสามารถทางด้านสี ขาวดำ 1 บิต , Grayscale (4,8, 16 บิต) , แผงสี (ได้ถึง 16 บิต) , สี RGB ( ได้ถึง 48 บิต) , สี CMYK ( ได้ถึง 32 บิต) การบีบขนาดข้อมูล LZW, PackBits (Macintosh), JPEG (TIFF v 6.0), RLE หลายรูปแบบ
     
WMF
            WMF ไฟล์ WMF นี้มีข้อเสียคือ ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพในการเก็บภาพ แสดงภาพได้ไม่ถูกต้อง แต่สามารถใช้ได้ทั้งกับโปรแกรมแบบเวกเตอร์และแบบบิตแมป

สมาชิกกลุ่ม
นางสาวอลิษา          ณะจินดา
นางสาวภัทรลดา       ปรีเปรม
นางสาววงษ์ลัดดา    หลักรอด
นางสาวธนิตา        ทองสมุทร
นางสาวสุดารัตน์     ผิวเหมาะ
สาระปี 1 ห้อง 2

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

การทำกรอบรูปแบบซ้อนกัน ด้วย Photoshop

การทำกรอบรูปแบบซ้อนกัน
Photoshop
เทคนิคมีอยู่ว่าให้นำรูปถ่ายของเราที่ต้องการมาวางซ้อนกัน
 
การทำกรอบรูปแบบซ้อนกัน : Photoshop

finish3 ขั้นที่ 1 เปิดรูปต้นฉบับของเราออกมา
origi2

จากนั้น กดปุ่ม Ctrl+N จากแป้นพิมพ์ หรือจะไปที่ เมนู File>New ก็ได้ เพื่อสร้างไฟล์งานใหม่


กำหนดความกว้าง (Width) และความสูง (Height) ให้ใหญ่กว่าภาพต้นฉบับของเราเล็กน้อย เพราะว่าเราจะนำไฟล์ต้นฉบับเข้ามาทำงานบนไฟล์นี้ ตรง Background Content ให้เลือก Transparent ดังภาพ แล้วกด OK เลย

ขั้นที่ 2 เมื่อมีทั้งไฟล์ใหม่และไฟล์ต้นฉบับแล้ว ให้เราลากรูปจากไฟล์ต้นฉบับของเรา มาวางไว้บนไฟล์ใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นมา จากนั้นก็ปิดไฟล์ต้นฉบับไปเลย
022

ที่ Layer panel ก็จะเป็นแบบนี้
031

ขั้นที่ 3 เลือกเครื่องมือ Magic Wand Tool แล้วไปคลิ้กบริเวณพื้นที่ว่าง บนไฟล์งานของเรา  
04

กดปุ่ม Ctrl+Shift+I บนแป้นพิมพ์ เพื่อ inverse Selection จากนั้นคลิกเลือกไปที่ Layer 1
051 
 เลือกสีของโฟว์กราว เป็นสีเทาอ่อน ๆ ตามภาพ

061
แล้วกดปุ่ม Alt+Delete บนแป้นพิมพ์ เพื่อเทสีเทาไปบน Layer 1
 แล้วก็กดปุ่ม Ctrl+D บนแป้นพิมพ์ เพื่อลบซีเล็คชั่น

ขั้นที่ 4 เลือกไปที่ Layer 2 (เลเยอร์รูปจากไฟล์ต้นฉบับ) แล้วคลิกที่ปุ่มตัว F ที่ได้วงกลมไว้ แล้วเลือก Stroke
071

จะเจอหน้าต่างแบบนี้ ให้ตั้งค่าตามภาพได้เลย


โดยที่ค่า Size หมายถึงขอบรูป ยิ่งค่าเยอะขอบยิ่งใหญ่ขึ้น
จากนั้นไปติ้กถูกที่ Drop Shadow แล้วตั้งค่าตามภาพ
091

กดปุ่ม OK ได้เลย เราก็จะได้รูปตามภาพข้างล่างนี้
10
ขั้นที่ 5 สังเกตหลัง Layer 2 ดู จะมีปุ่มตัว F โผล่ขึ้นมา
ให้เรา กดปุ่ม Alt ที่แป้นพิมพ์ของเราค้างไว้ แล้วใช้เม้าส์คลิกลงไปบนปุ่มตัว F แล้วลากลงมาไว้บน Layer 1 เพื่อเป็นการก็อปปี้เอฟเฟ็ค
11

จะได้ผลแบบข้างบนนี้
12

ขั้นที่ 6 สุดท้ายแล้ว ให้เรากดปุ่ม Ctrl+T บนแป้นพิมพ์ จากนั้นก็ใช้เม้าส์หมุนภาพได้เลย
13

เมื่อหมุนจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็กดปุ่ม Enter ได้เลย จะได้ภาพที่เสร็จสมบูรณ์ออกมาทันที
finish3
หรือถ้าอยากให้รูปต้นฉบับของเราตรง แต่เอียงกรอบรูปข้างหลังแทนให้ทำแบบนี้
ในขั้นตอนที่ 6 ก่อนที่เราจะกด Ctrl+T ให้เราเลือกไปที่ Layer 1 ก่อนค แล้วค่อยกดปุ่ม Ctrl+T ผลก็จะออกมาแบบนี้
 finish22